อาณาจักรพยู: มรดกโลกอันล้ำค่าของเมียนมา
ที่มา : https://myanmars.net |
“เมียนมา” ดินแดนแห่งพระเจดีย์ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของหลายๆ คนอยากไปสัมผัส และที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ “เมืองโบราณอาณาจักรพยู (Pyu Ancient Cities) ” ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 4 ครบคลุมพื้นที่คือเมือง ศรีเกษตร (Sri Ksetra) เปียทะโนมโย (Peikthanomyo) และหะลินยี (Halingyi) เป็นดินแดนที่มีความรุ่งเรืองมาอย่างยาวนานกว่า 1,000 ปี – 200 ปี ก่อนคริสต์ศักราช โดยมีร่องรอยความเจริญที่เหลืออยู่ คือ ซากพระราชวัง เจดีย์ กำแพงอิฐ พระพุทธรูป สุสานโบราณ และการจัดการชลประทาน จึงอยากพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับอาณาจักรปยู และ สัมผัสความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรแห่งนี้กัน
ที่มา:http://aseannotes.blogspot.com |
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของกรุงย่างกุ้ง เมียนมา ในปัจจุบันใกล้เมืองแปร ในอดีตเป็นที่ตั้งของเมืองศรีเกษตร เปียทะโนมโย และหะลินยี เป็นพื้นที่ชลประทานที่กว้างใหญ่แห่งลุ่มน้ำอิรวดี ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองพุกามประมาณ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์จากเมืองย่างกุ้งประมาณ 5 ชั่วโมง
อาณาจักรพยูเกิดขึ้นราวยุคหินเก่าถือเป็นอารยธรรมแรกของเมียนมา ชาวพยูเป็นชนชาติดั้งเดิมที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ก็มีหลักฐานอื่นๆกล่าวไว้ชาวพยู คือพม่าแท้ 100% มีอาชีพหลักคือเกษตรกรรม มีการผันน้ำจากแม่น้ำอิรวดี ในการทำเกษตรกรรม
และยังมีการขุดคูคลองรอบๆ เมือง ไว้ใช้น้ำในยามหน้าแล้ง ต่อมาชาวพยูได้รวมกลุ่มกันสร้างอาณาจักรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาชื่อว่า
อาณาจักรศรีเกษตร ซึ่งกินพื้นที่เกือบทั้งหมดของลุ่มน้ำอิรวดี โดยศูนย์กลางหลักขออาณาจักรนี้
ตั้งอยู่ที่เมือง ศรีเกษตร เมืองเปียทะโนมโย และเมืองหะลินยี ทั้ง 3 เมือง ได้ถูกผนึกรวมกัน ชาวพยูมีนิสัยเมตตากรุณา รักสงบไม่สนใจเรื่องสงคราม แต่จะมีความขัดแย้งในเรื่องการแข่ง กันสร้างเจดีย์ ศาสนสถาน ชาวพยู ใส่เสื้อผ้าที่ ทำจากเส้นใยคล้ายกับไหมนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
งานศิลปะของชาวพยูได้รับอิทธิพลจากอินเดีย ศิลปะของชาวพยู เป็นต้นแบบสำคัญในการวางรากฐานงานศิลปะให้กับผู้คนยุคหลังของพม่า
โดยเฉพาะในด้านสถาปัตยกรรม เป็นต้นแบบให้งานสถาปัตยกรรมของพม่าในยุคต่อๆ มา อาทิ เจดีย์ชเวดากอง
มิงกาลาเจดีย์ เปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชั่วโมง
โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ 3 ชั่วโมง
โดยมีส่วนสำคัญในการชมดังนี้
ด้านสถาปัตยกรรม เมืองศรีเกษตรยังคงเหลือหลักฐานทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญ
ได้แก่ เจดีย์ แบ่งเจดีย์ได้เป็น 2
กลุ่มคือ กลุ่มเจดีย์ลอมฟางหรือทรงกระบอก พบหลักฐานเจดีย์ที่เมืองไบค์ถาโน
พบเพียงส่วนฐานของเจดีย์ ได้แก่
เจดีย์หมายเลข KKG 2 และ KKG 14 มีรูปแบบขององค์ระฆังมีลักษณะคล้ายกับลอมฟาง
ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ในศิลปะศรีเกษตร เพราะมีรูปแบบที่แตกต่างจากเจดีย์ทรงระฆังในศิลปะอื่นๆ
ลักษณะเป็นฐานเขียงรอบรับองค์ระฆังซึ่งเป็นทรงลอมฟางและทรงกระบอก
เจดีย์หมายเลข KKG 2
เชษฐ์ ติงสัญชลี (2555) อ้างจาก Janice Stargardt
|
เจดีย์KKG 14
ที่มา เชษฐ์ ติงสัญชลี (2555) อ้างจาก
Elizabeth Moore
|
ปยาจี(Payagyi)
|
ปยามา (Payama)
|
วิหารเซกูตะวันออก ที่มา: https://commons.wikimedia.org |
กลุ่มเจดีย์วิหารกู่ปายา หมายถึง มีวิหารอยู่ด้านล่างสามารถเดินเข้าไปได้และมียอดเป็นเจดีย์ได้แก่ วิหารเซกูตะวันออก (East ZeguTemple) วิหารเลมเยธนา (Lemyethna Temple) และวิหารเบเบ (Bebe Temple) มีวิหารที่สำค๊ญ 3 วิหารคือ
วิหารเซกูตะวันออก เหลือเฉพาะส่วนอาคาร ส่วนยอดพังทลายลงหมดแล้ว แผนผังเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าเป็นทางเข้าภายใน ส่วนอีก 3 ด้านเป็นซุ้มจระนำ มีการประดับเสาติดผนังน่าจะพัฒนามาจากเครื่องไม้ภายในอาคารมี2 แบบ คือ แบบไม่มีแกนรับน้ำหนัก มีแท่นประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ท้ายอาคาร มีทางเข้าด้านเดียว
วิหารเลมเยธนา |
วิหารเลมเยธนา ส่วนบนเหลือเฉพาะฐานซึ่งน่าจะเป็น11 ฐานเจดีย์เนื่องจากมีฐานเขียงซ้อนกัน เป็นอาคารจัตุรมุข มีทางเข้า 4 ด้าน มีแกนกลางหรือแท่งอยู่กลางอาคารใช้เป็นตัวรับน้ำหนักของส่วนยอด และที่แกนกลางนี้นิยมประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ด้าน มีทางเดินประทักษิณภายในอาคาร
วิหารเบเบ ยังเหลือส่วนยอดให้ศึกษาได้ ส่วนยอดเป็นเจดีย์และเป็นเจดีย์ทรงลอมฟางซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของศรีเกษตร แต่เป็นวิหารขนาดเล็ก ไม่มีแกนอาคารกลางรับน้ำหนัก
ด้านประติมากรรม พบทั้งในรูปแบบศาสนาพุทธนิกายเถรวาทและมหายาน รวมทั้งศาสนาฮินดู แต่ส่วนใหญ่เป็นประติมากรรมเนื่องในศาสนาพุทธแบบเถรวาท พระพุทธรูป งานประติมากรรมนูนสูงที่สร้างขึ้นเพื่อประดับโบราณสถาน พระพุทธรูปนิยมปางสมาธิปางมารวิชัย พระพุทธรูปเป็นอดีตพระพุทธเจ้า 4 พระองค์และ 5 พระองค์ ประติมากรรมที่ทำจากหินสลัก ประติมากรรมดินเผา ประติมากรรมสำริด พบหลักฐานชิ้นสำคัญคือ ประติมากรรมสำริดกลุ่มนักดนตรีและนักเต้นรำ ท่ารำนั้นแสดงถึงอิทธิพลที่มาจากอารยธรรมอินเดีย นอกจากนี้ยังพบ ประติมากรรมนารายณ์บรรทมสินธุ์พระนารายณ์ทรงครุฑ พระนารายณ์กับพระลักษมีมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16
วิหารเบเบ ที่มา : https://www.modernpublishing.co.th |
ถึงแม้ในปัจจุบันเมืองโบราณอาณาจักรพยูจะเหลือแค่ซากปรักหักพัง แต่ก็แสดงใหเห็นถึงความยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองในอดีตของอาณาจักรพยู ในฐานะมรดกโลกอายุเก่าแก่ ซึ่งไม่ใช่เป็นสมบัติของเมียนมา แต่ยังเป็นสมบัติของคนทั้งโลกที่ต้องช่วยกันรักษา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมความยิ่งใหญ่และความสวยงามของมรดกโลกแห่งนี้ เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองของอาณาจักพยูแห่งนี้ จึงอยากเรียนเชิญทุกๆท่านที่สนใจประวัติศาสตร์และนักท่องเที่ยวทั่วไปได้มาเยี่ยมชมกัน ในครั้งต่อไปจะพาไปท่องแดนในฝันในที่ไหนของอาเซียน รอติดตามรับชมได้นะคะ
ที่มา :http://whc.unesco.org
เอกสารอ้างอิง
เชษฐ์ ติงสัญชลี.(2555).เจดีย์ในศิลปะพม่า-มอญ:พัฒนาการทางด้านรูปแบบตั้งแต่ศิลปะศรี
เกษตรถึงศิลปะมัณฑเล.กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ.
นพปฎล ธารวานิช.(2015).พยู แหล่งมรดกโลกที่น่าหลงใหลของเมียนมา.วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต.10(18),1-13.
ศักดิ์ชาย สายสิงห์. (2557). ศิลปะพม่า. กรุงเทพฯ: มติชน.
สุรสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ์.(2554).The Traditional Art of Myanmar ศิลปะในประเทศพม่า.กรุงเทพฯ:สายธาร.
เสถียรพงศ์ ใจเย็น.(มปป).มรดกโลกในเมียนมาร์
1 : กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู.สืบค้นเมื่อ 4 กันยายน 2561,จาก http://aseannotes.blogspot.com
amazing Thailand.(2017).เที่ยวเมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า.สืบค้นเมื่อวันที่4 กันยายน 2561, จาก http://gothailandgoasean.tourismthailand.org
travel.mthai (2014).เมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า. สืบค้นเมื่อวันที่4
กันยายน 2561, จาก https://travel.mthai.com
WARITTHA.(2013).ปยู ชนชาติผู้สร้างรากฐานทางสถาปัตยกรรมของพม่า.สืบค้นเมื่อ 4 กันยายน2561,จาก https://www.modernpublishing.co.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น