วัดพระเขี้ยวแก้ว:พลังศรัทธาของชาวสิงคโปร์

https://www.singaporetravellers.info

"If somebody asked me about my inspiration
I would say that it's not the people and it's not the things,
it's travel and experiencing different environments." – Marc Newson


"หากใครสักคนถามถึงแรงบันดาลใจของผม ผมจะตอบว่า
มันไม่ได้มาจากผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ แต่มันมาจากการเดินทางท่องเที่ยวและการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างต่างหาก"
                 
วัสดีค่ะ ตอนนี้ได้เดินทางมาถึงเรื่องที่ 3 แล้วนะคะ วันนี้จะพาทุกท่านไปท่องแดนในฝันที่อยู่ใกล้ประเทศไทยและอาจมีใครหลายๆคนอยากไป นั่นคือ “ประเทศสิงคโปร์”  ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นหมู่เกาะเล็กๆแต่มีความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจ มีความทันสมัย และมีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ศาสนา เชื้อชาติเป็นอย่างมาก แต่ความแตกต่างนี้ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจและมีความสุข

 สิงค์โปร์นอกจากจะเป็นแหล่งของการช็อปปิ้งที่ถนนออชาร์ด เที่ยวสวนสนุก universal ชมการแข่งรถฟอร์มูล่าวันแล้ว เราอยากแนะนำให้ทุกๆท่านหาเวลามาสัมผัสความหลากหลายของวัฒนธรรมในที่แห่งนี้ด้วย ผ่านการเยี่ยมชมสถานที่อันเป็นตัวอย่างของ “วัฒนธรรมของศาสนาพุทธแบบจีน “ นั่นก็คือ "วัดพระเขี้ยวแก้ว"นั่นเอง ขอบอกก่อนตรงนี้เลยว่า สิงคโปร์ใช้งบประมาณมหาศาลในการสร้างวัดแห่งนี้ด้วยความศรัทธา จะสวยงามยิ่งใหญ่และมีคุณค่าขนาดไหน มาชมกันเลยค่า 
     
 วัดพระเขี้ยวแก้ว  หรือ  Buddha Tooth Relic Temple  ตั้งอยู่ที่  288 South Bridge Road, Singapore 058840 ในย่านไชน่าทาวน์ ของประเทศสิงคโปร์ ด้านหลังของวัดจะติดกับส่วนที่เป็นร้านของที่ระลึก ของย่านไชน่าทาวน์ ด้านหน้าจะตรงข้ามกับศูนย์อาหาร Maxwell Food Center   และข้างๆกันจะติดกับวัดพราหมณ์ศรีมาริอามันต์ของศาสนาฮินดู 

     
วัดแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2545 และสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2550 ที่มาของชื่อนั้นมาจากการที่ได้นำพระทันตธาตุ หรือ ฟันของพระพุทธเจ้าที่ได้มาจากที่ฝังพระศพของพระพุทธเจ้า ณ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย มาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ และมีการสร้างพิพิธภัณฑ์เกี่ยวพระพุทธศาสนาขึ้น เพื่อรวบรวม เก็บสะสม จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในเอเชีย และส่งเสริมพระพุทธศาสนาโดยสร้างความตระหนักและซาบซึ้งในศิลปะ และวัฒนธรรมของพระพุทธศาสนา วัดนี้ออกแบบโดยพระอาจารย์ Fa Zhao เจ้าอาวาสของวัดนี้ และได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศในการสร้างมากมาย และ การสร้างวัดแห่งนี้สิงคโปร์ได้ทุ่มงบประมาณในการสร้างถึง ประมาณ 75 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ (1875 ล้านบาท)เลยทีเดียว

    
ที่มา : http://www.btrts.org.sg

 
การออกแบบวัดนี้ได้อิงตามสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ถัง ผสมกับ ศิลปะมันดาละ ของอินเดีย โดยศิลปะมันดาละเป็นแนวคิดหลักในการวางสิ่งอำนวยความสะดวก การจัดวางสิ่งก่อสร้างตามคติพุทธ ใช้ศิลปะสมัยราชวงศ์ถังในการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคาร  รวมถึงการแสดงรูปปั้นและอุปกรณ์ตกแต่ง  พบภาพวาดผังโลก สวรรค์ แบบมหายาน    มีการตกแต่งอาคารด้วยสีแดงสด    การออกแบบวัดแห่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย ต้องใช้ความอดทน ทรัพยากร และต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมอย่างมากจึงสามรถสร่างวัดที่สวยงามและยิ่งใหญ่แห่งนี้สำเร็จ  

        
 การเดินทาง

ที่มา https://travel.mthai.com
  • ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)  ดินทางด้วยสาย Downtown (สีน้ำเงิน) หรือสาย North East (สีม่วง) ลงที่สถานี Chinatown Exit A มาที่ถนน Pagoda Street และเดินต่อไปยังถนน South Bridge Road อีก 600เมตร หรือใช้เสันทางสาย East west line (สีเขียว) ลงที่สถานี Tanjong Pagar Exit A มาที่ถนน Peck Seah Street และเดินทางต่อไปยังถนน Maxwell Road ผ่าน Maxwell Food Center
  • ด้วยรถประจำทาง  สาย 80 กับ 145
  • ด้วยรถแท็กซี่




การเข้าชม

ที่มา :http://travel.trueid.net
เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา 7 .00 น – 19.00 น ในส่วนของพิพิธภัณฑ์และหอเจดีย์ จะเปิดให้เข้าชมในเวลา 9.00 น. - 18.00 น. และมีร้านจำหน่ายเครื่องบูชาและของที่ระลึก

 กฎการเข้าชม ควรแต่งกายให้สุภาพในการเข้าชม ในการเข้าชมในบางจุดไม่สามารถถ่ายภาพได้ และบางจุดไม่สามารถใช้แฟลชในการถ่ายภาพได้ ไม่นำอาหารและเครื่องดื่มมารับประทาน ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น ไม่จับและเคลื่อนย้ายวัตถุ และไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในวัด

       

ทางวัดมีกิจกรรมนำชมวัดตามจุดสำคัญต่างๆ ภายในวัด โดยมัคคุเทศก์อาสาสมัคร  นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จะใช้เวลาครั้งละ 2 ชั่วโมง   สามารถลงทะเบียนกิจกรรมล่วงหน้าได้ที่ 
http://www.btrts.org.sg

           
 วัดพระเขี้ยวแก้วแห่งนี้มีอาคารหลัก 1 อาคาร  โดยตัวอาคารจะแบ่งออกเป็น  9  ชั้น  ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น   บนพื้นดิน อีก 7 ชั้น   สามารถเที่ยวชมได้เฉพาะชั้นบนดินเท่านั้น   ในแต่ละชั้นจะมีจุดไฮไลท์ที่น่าสนใจที่ต่างกัน ดังนี้   

ที่มา : http://www.btrts.org.sg

ประตูทางเข้า    มีประตูทางเข้าใหญ่ๆ 3 ทาง    มีสีแดงเคลือบด้วยน้ำมันงา  สอดคล้องกับประตูดั้งเดิมในสมัยราชวงศ์ถัง    มีสลักเกลียวสำริด  สลักบนแผ่นประตู มีที่เคาะประตูเป็นรูปสิงโต   ประตูทางเข้าตรงกลางถูกจำกัดไว้ให้สำรับแขกพิเศษเท่านั้น   

ที่มา : http://travel.trueid.net

 ด้านนอกวัด   
จะมีจุดที่สำหรับจุดธูปสักการะบูชา 

Bodhisattva Avalokitesvara ที่มา : https://chinatowntrail2015.wordpress.com
พระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิม ที่มา : https://www.yoninja.com

ชั้น 1 "Dharma Hall" จะแบ่งออกเป็น 2 โซน ด้านหน้าจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่สำหรับสวดมนต์ ทำพิธีกรรมทางศาสนา และ ประดิษฐานพระประธาน Bodhisattva Avalokitesvara มีการตกแต่งรอบๆด้วยพระพุทธรูปทั้งองค์เล็ก และองค์กลาง บริเวณพระประธานเป็นสีทองอร่าม ขอบผนังด้านบนเป็นศิลปะนูนต่ำเป็นรูปมังกรพันตัว ด้านหลัง จะเป็นพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่

ที่มา  :   http://www.btrts.org.sg

ชั้นลอย 
เป็นพิพิธภัณท์จะแสดงเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าอวโลกิเตศวร และพิพิธภัณฑ์สงฆ์    


ที่มา : http://www.btrts.org.sg


พระมัญชุศรีโพธิสัตว์  ที่มา : http://www.btrts.org.sg

ชั้น 2 Manjushri Hall  เป็นพิพิธภัณฑ์  ร้านขายของที่ระลึก   ห้องสมุด       โดยร้านขายของที่ระลึกจะขายพวงกุญแจ ยันต์ หนังสือ บทสวดมนต์ พระพุทธรูป ฯลฯ และเป็นที่ประดิษฐานของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์  



บรรยากาศรอบๆห้องจัดแสดง  http://www.btrts.org.sg
พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ที่มา :  http://www.btrts.org.sg


อวตาร 3 องค์ ของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์  ที่มา : http://www.btrts.org.sg

ชั้นที่ 3   เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปต่างๆมาจากทั่วโลก  มีการจัดแสดงรูปปั้น พะพุทธรูปต่างๆตามความเชื่อของชาวเอเชีย  มีรูปพระพุทธรูปสำคัญๆ เช่น พระสมันตภัทรโพธิสัตว์  พระพุทธรูปยุคคันธาระ   และ สัทธรรมปุณฑทริกสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรสำคัญของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ในบริเวณชั้นนี้  

ระทันตธาตุ หรือ เขี้ยวแก้ว ที่มา: http://www.btrts.org.sg
ชั้นที่ 4 เป็นจุดไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้เลยก็ว่าได้ เป็นจุดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึง พระทันตธาตุ หรือ เขี้ยวแก้วโดยประดิษฐสถานในสถูปใหญ่ มีน้ำหนัก 3,500 กิโลกรัม ทำจากทองแท้หนัก 320 กิโลกรัม โดยทองคำ 234 กิโลกรัมจากการทำบุญบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา มีการตกแต่งเน้นสีทอง พุทธศาสนิกชนที่ได้มาเยือน นิยมมาเดินรอบพระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคล บ้างก็มีการนั่งสมาธิ หรือสวดมนต์ ในบริเวณนี้ด้วย


เจดีย์หมื่นองค์ ที่มา : http://www.btrts.org.sg
                     
สวนกล้วยไม้ ที่มา : http://www.btrts.org.sg
ชั้นดาดฟ้าเป็นสวนกล้วยไม้ที่สวยงาม และมีกงล้อมนต์ หรือ Vairocana Buddha PrayerWheel ตั้งอยู่เป็นลักษณะคล้ายระฆัง มีตัวหนังสือสวดมนต์แบบทิเบต โดยมีความเชื่อว่าให้อธิษฐานและหมุนกงล้อครบ 3 รอบจะช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง และนอกจากนี้ผนังรอบๆจดีย์ยังมีการตกแต่งด้วยพระพุทธรูปเรียงรายกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่า เจดีย์หมื่นองค์(Ten Thousand Buddhas Pagoda) 
กงล้อมนต์ 
ที่มา : http://www.btrts.org.sg/wheel.php

จะเห็นได้ว่า วัดพระเขี้ยวแก้ว  เป็นศาสนสถานอีกที่หนึ่งที่มีความยิ่งใหญ่ สวยงามเป็นอย่างมาก มีการผสมผสานระหว่างศิลปะจีนและอินเดียได้อย่างลงตัว  กว่าจะมาเป็นวัดพระเขี้ยวแก้วที่สวยงามก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความอดทน และอาศัยการทำงานเป็นทีมที่ดีเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ   และเป็นสถานที่อีกแห่งที่เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนาเพื่อสร้างความตระหนักและบอกเล่าเรื่องราว เก็บรักษาโบราณวัตถุที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ และช่วยทำให้พระพุทธศาสนาในสิงคโปร์ยังคงอยู่ต่อไป  

จบกันไปแล้วนะคะ ในการบอกเล่าเรื่องราวสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งในสิงคโปร์ เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งนี้เองเป็นสถานที่ที่ผู้เขียนเคยไปเยือนมาแล้ว และเป็นสถานที่ที่ผู้เขียนประทับใจมากจึงอยากบอกเล่าความสวยงามและยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ให้ทุกๆท่านได้รับชม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการไปเที่ยวเมืองในฝันของทุกๆท่านบ้าง สุดท้ายนี้ อยากเชิญชวนทุกท่านให้ไปสัมผัสความสวยงามและยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้กัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่หนึ่งต้องไม่ควรพลาดเลยในสิงคโปร์  นอกจากอิ่มบุญแล้ว รอบๆวัดนี้ ยังมีของกินอร่อยๆเพียบ ในแถบย่านไชน่าทาวน์ จึงอยากให้ทุกคนลองไปกันนะคะ 


แหล่งอ้างอิง 

เอิงเอย.(2560).วัดพระเขี้ยวแก้ว สิงคโปร์ ไหว้พระ ขอพร แก้ชง.สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2561,จาก

bonboy.(2012).วัดพระเขี้ยวแก้ว สิงคโปร์ (Buddha Tooth Relic, Singapore).สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2561,จาก https://travel.mthai.com

Buddha Tooth Relic Temple And Museum.(n.d.).Buddha Tooth Relic Temple And Museum.Retrieved September 20,2018,from http://www.btrts.org.sg
Palanla.(2018).วัดพระเขี้ยวแก้ว ประเทศสิงคโปร์.สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2561,จากhttp://palanla.com

talontiew.(มปป).วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว Buddha Tooth Relic Temple.สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2561,จากhttps://www.talontiew.com

tanasak mukura.(2014). พาเที่ยวชม วัดพระเขี้ยวแก้ว สิงคโปร์ พร้อมวิธีเดินทาง.สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2561,จากhttps://www.mu-ku-ra.com

Visitsingapore.(มปป).วัดพระเขี้ยวแก้วและพิพิธภัณฑ์.สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2561,จาก http://www.visitsingapore.com




  



















ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จากยุคหินเก่า....สู่หินใหม่...เปลี่ยนผ่านสู่ยุคอารยธรรม

อาณาจักรพยู: มรดกโลกอันล้ำค่าของเมียนมา

พระนิรฤติ : เทวดาผู้อารักษ์แห่งทิศหรดี