สำรวจสถานภาพความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรื่อง บุโรพุทโธ ตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2525-2562 ตอนที่ 2

สวัสดีค่ะกลับมาพบกันในตอนที่ 2 นะคะ ตอนนี้จะพูดถึงภาพรวมงานที่พบเกี่ยวกับบุโรพุทโธในด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม รวมถึงงานในด้านการท่องเที่ยว  และสุดท้ายในด้านศาสนาและความเชื่อ งานในด้านนี้จะเป็นอย่างไรนั้นเชิญรับชมต่อไปได้เลยค่าาา👇 

สำรวจสถานภาพความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรื่อง บุโรพุทโธ ตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2525-2562 

2.2ด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
ในการสำรวจสถานภาพความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องบุโรพุทโธด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมพบทั้งงานศึกษาเกี่ยวกับบุโรพุทโธโดยตรงและงานศึกษาที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเอกสารที่ค้นพบอยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2528-2560  พบทั้งสิ้น 3 ผลงาน
1. บุหงารำไป สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
2. Borobudur Jacques Dumarcay
3. ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง อินเดีย,ลังกา,ชวา,จาม,ขอม,พม่า,ลาว สุภัศดิศ ดิศกุล
4 ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชษฐ์ ติงสัญชลี

งานชิ้นแรกของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (2528) เรื่องบุหงารำไป 


งานชิ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะอินโดนิเซีย ไม่ว่าจะเป็นด้านสถาปัตยกรรมและประติมากรรม ผ้าปาเต๊ะ วาหยัง ดนตรี และแสดงพระฉายาลักษณ์จากการไปเยือนที่ประเทศอินโดนิเซีย มีการกล่าวถึงบุโรพุทโธในเรื่องของสถาปัตยกรรมของอินโดนิเซีย บุโรพุทโธสร้างขึ้นในสมัยชวาภาคกลาง ประมาณค.ศ.788-850 ในสมัยของราชวงศ์ไศเลนทร์ การมีภูเขาธรรมชาติลูกเล็กๆเป็นแกนการสร้างฐานเจดีย์ครอบภูเขาทำให้บุโรพุทโธมีสภาพที่คงทนมาจนถึงทุกวันนี้ มีโครงสร้างที่ซับซ้อนซึ่งแสดงถึงความหมายทางด้านศาสนา ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนฐาน เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม กำแพงและส่วนฐานรองรับด้วยเสาใหญ่ มีภาพสลัก 160 ภาพ มีการแสดงภาพแกะสลักกฎแห่งกรรม แต่ปัจจุบันถูกกลบไว้เพราะเหตุผลด้านความแข็งแรงหรืออาจจะเป็นเหตุผลทางศาสนา ส่วนกลางจะเป็นชาลา 5 ชั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม มีการแสดงภาพสลักพุทธประวัติซึ่งแสดงให้เห็นถึงบุคคลที่สละกามคุณได้ แต่ยังผูกพันกับรูปและสละกิเลส  และชั้นบนเป็นรูปกลม 3 ชั้น มีสถูประฆังเจาะเป็นโปร่งๆทำให้เห็นพระพุทธรูปอยู่ภายใน ในชั้นนี้แสดงถึงอรูปธาตุที่ไม่มีภาพแกะสลักใดๆ ซึ่งมีความหมายคือสละกิเลสทั้งปวง  จุดเด่นของงานชิ้นนี้ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับศิลปะอินโดนิเซียในด้านต่างๆพอสังเขป มีการใช้พระฉายาลักษณ์ประกอบจากเหตุการณ์จริงๆจากการไปเยือนที่ประเทศอินโดนิเซีย ทำให้เห็นสภาพสถานที่จริงและกิจกรรมในบุโรพุทโธ และมีการอ้างอิงข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่นงานของสมเด็จพระยานริศรานุวัติวงศ์ 


งานชิ้นแรกของ Jacques Dumarcay (1987) เรื่อง Borobudur 


งานชิ้นนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของผู้เขียนที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการบูรณะบุโรพุทโธโดยเนื้อหาหลักจะประกอบไปด้วยแง่มุมทางประวัติศาสตร์ศาสนา สถาปัตยกรรม และความหมายของแหล่งปูชนียสถานที่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู ในศตวรรษที่ 9 สถูปนี้เชื่อกันว่าสร้างโดยSamaratung ตั้งแต่ราว ค.ศ.780 เพื่อแสดงความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า โดยสร้างบริเวณภูเขาใกล้เคียงกับเมืองยอร์กยาการตาร์ โดยใช้หินภูเขาไฟ มีการออกแบบสถาปัตยกรรมโดยสร้างสถูปรอบทั้ง 4 ทิศ และมีสถูปหลักตรงกลางตามความเชื่อของศาสนาพุทธซึ่งมีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายถึงวัตถุของปูชนียสถาน อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงปรัมบานันปูชนียสถานฮินดูที่อยู่ใกล้กันด้วย จุดเด่นของงานชิ้นนี้มีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมในระยะต่างๆของการสร้างบุโรพุทโธ และพยายามโยงกับความเชื่อทางพระพุทะศาสนาในระยะต่างๆ นอกจากนี้ยังแสดงภาพขาวดำเก่าแก่ของพุทธสถานแห่งนี้ด้วย




งานของสุภัสดิศ ดิศกุล (2540) เรื่อง ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง อินเดีย,ลังกา,ชวา,จาม,ขอม,พม่า,ลาว 

งานชิ้นนี้มุ่งให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า จาม ชวา ลังกา และอินเดีย โดยได้เรียบเรียงประกอบการบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหามกุฏราชวิทยาลัย  มีการแบ่งการนำเสนอเป็น 7 ตอนหลักตามศิลปะแต่ละประเทศ  คือ ศิลปะอินเดีย ศิลปะลังกา ศิลปะชวา ศิลปะจาม ศิลปะเขมร ศิลปะพม่า และศิลปะลาว โดยนำเสนอวิวัฒนาการตามยุคสมัยของศิลปะ ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับบุโรพุทโธจะอยู่ในเนื้อหาของศิลปะชวา ในสมัยชวาภาคกลาง กล่าวไว้ว่า บุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธมหายานที่มีชื่อเสียงในชวาภาคกลาง สร้างขึ้นในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 14 มีพื้นที่กว้างใหญ่แต่มีแผนผังง่ายๆ ที่แสดงถึงมณฑลจักรวาล มีฐาน 5ชั้น วงระเบียง 4 ชั้น ระเบียงแต่ละวงจะมีภาพแกะสลักเกือบ 4 กิโลเมตร ระเบียงชั้นที่ 1 หมายถึงกามธาตุ ระเบียงชั้นที่ 2-4 หมายถึงรูปธาตุ และลานชั้นยอด หมายถึงอรูปธาตุ บนยอดระเบียงแต่ละชั้นมีพระพุทธรูปเป็นพระธยานิพุทธเจ้าประทับนั่ง 4 พระองค์ตามทิศต่างๆ ยอดฐานชั้นที่ 5 เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางวิตรรกะ ซึ่งหมายถึงพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ บนยอดสุดจะมีลานและสถูปหลายองค์ที่เจาะเป็นรูมีพระพุทธรูปภายในซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือพระธยานิพุทธเจ้าไวโรจนะ เจดีย์องค์กลางสุดเป็นเจดีย์ทึบที่หมายถึงพระอาทิพุทธผู้สร้างโลก มีการกล่าวถึงภาพแกะสลักนูนต่ำของบุโรพุทโธว่ามีความอ่อนช้อยและสงบ ภาพสำคัญของบุโรพุทโธ เช่น พระโพธิสัตว์ลงสรงน้ำในแม่น้ำเนรัญชรา  พระโพธิสัตว์ปลงพระเกศา เป็นต้น  จุดเด่นของงานชิ้นนี้ ทำให้เข้าใจภาพรวมของประวัติศาสตร์ศิลปะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในลาว พม่า จาม ชวา ลังกา และอินเดีย ว่ามีวิวัฒนาการ ลักษณะ จุดเด่นเป็นอย่างไร ในงานแสดงให้เห็นถึงลักษณะงานศิลปะและจุดเด่นของบุโรพุทโธ  โดยในตอนแรกจะมีการปูพื้นฐานของศิลปะอินเดียซึ่งศิลปะอินเดียเป็นฐานที่ควรเข้าใจก่อนที่จะไปศึกษาศิลปะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการใช้เอกสารอ้างอิงที่น่าเชื่อถือประกอบ มีการใช้ภาพประกอบในจุดที่สำคัญ   และผู้เขียนเป็นโอรสของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยและมีความรู้โบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะเป็นอย่างดี  ส่วนจุดด้อยของงานชิ้นนี้ นำภาพมาประกอบกับเนื้อหาเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับบุโรพุทโธชัดเจนมากขึ้น เนื้อหาเรื่องภาพสลักนูนต่ำยังน้อยเกินไปถ้าหากต้องการศึกษาในเรื่องนี้ควรศึกษางานชิ้นอื่นๆประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุแหล่งอ้างอิงข้อมูลในเอกสารดังกล่าว




งานของ เชษฐ์ ติงสัญชลี (2560) เรื่อง ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



งานชิ้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นตำราเรียนสำหรับการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการดำเนินเรื่องในหนังสือเล่มนี้จะยึดตามลำดับเรื่องและภาพประกอบของศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุลเป็นหลัก และมีการขยายเพิ่มเติมในข้อมูลและจุดต่างๆที่สำคัญมากขึ้น รวมถึงมีการเพิ่มกล่องตัวชี้ลงไปในภาพประกอบเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ มีการแบ่งการนำเสนอเป็น 6 ตอนหลักตามศิลปะแต่ละประเทศ  คือ ศิลปะอินเดีย ศิลปะลังกา ศิลปะชวา ศิลปะจาม ศิลปะเขมร ศิลปะพม่า โดยนำเสนอวิวัฒนาการตามยุคสมัยของศิลปะ ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับบุโรพุทโธจะอยู่ในเนื้อหาของศิลปะชวา ในสมัยชวาภาคกลาง กล่าวไว้ว่า บุโรพุทโธสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ 14 โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ ได้แรงบันดาลใจจากสถูปเกสาริยา ศิลปะแบบปาละ  บุโรพุทโธมีแผนผังที่ซับซ้อนที่สื่อนัยการจำลองจักรวาล 3 ระบบตามความเชื่อของพระพุทธศาสนามหายาน คือ ระบบพระอาทิพุทธ-พระธยานิพุทธ-พระมานุษิพุทธ ระบบตรีกาย และระบบภูมิสาม  การจำลองระบบภูมิสามของบุโรพุทโธได้สื่อความหมายผ่านฐานของบุโรพุทโธ 3 ประเภท คือ  กามภูมิอยู่ฐานล่างสุด รูปภูมิอยู่ฐานสี่เหลี่ยมเพิ่มมุมและทางเดินประทักษิณ มีภาพสลัก และอรูปภูมิอยู่บริเวณฐานกลม ไม่มีภาพสลัก การจำลองพระอาทิพุทธ-พระธยานิพุทธ-พระมานุษิพุทธของบุโรพุทโธได้รับการสื่อความผ่านภาพแกะสลัก พระพุทธรูป และสถูป ดังนี้ พระมานุษิพุทธ จะตรงกับภาพสลักเล่าเรื่องพุทธประวัติตรงลานประทักษิณชั้นที่ 1  พระธยานิพุทธจะประดิษฐานอยู่ซุ้มจระเข้นำ บนทางประทักษิณ โดยในแต่ละด้านจะมีปางที่แตกต่างกันเพื่อแสดงถึงพระธยานิพุทธองค์ต่างๆ 4 พระองค์ หัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างพระธยานิพุทธในรูปภูมิและพระอาทิพุทธในอรูปภูมิ พระพุทธรูปจะประดิษฐานอยู่ภายในสถูปที่เจาะเป็นช่องทำให้เห็นพระพุทธรูปที่อยู่ภายในไม่ชัดเจนนัก ซึ่งแสดงถึงความก้ำกึ่งระหว่างความมีรูปและความไม่มีรูป พระอาทิพุทธจะอยู่ตรงจุดสูงสุดของบุโรพุทโธ เป็นสถูปแบบทึบ แสดงถึงการไม่มีรูป ส่วนภาพสลักเล่าเรื่อง 3 เรื่องตลอดทางประทักษิณ แยกตามชั้นต่างๆได้ดังนี้ ผนังของทางประทักษิณชั้นล่างจะเป็นภาพสลักเรื่องกฎแห่งกรรม ผนังของฐานประทักษิณชั้น 1 เป็นภาพสลักเรื่องพุทธประวัติของพระศรีศากยมุนี และผนังของฐานประทักษิณชั้น2-4 เป็นภาพสลักเรื่องพระสุธน จุดเด่นของงานชิ้นนี้ มีการใช้ภาพประกอบที่มีสีสันและมีกรอบและกล่องตัวชี้ในจุดสังเกตของงานศิลปะทำให้เข้าใจในงานแต่ละชิ้นได้ง่ายขึ้น มีการใช้ตารางเปรียบเทียบในสิ่งที่ใกล้เคียงกันเพื่อให้เข้าใจในความแตกต่างของเรื่องบางเรื่องมากขึ้น งานชิ้นนี้ทำให้เข้าใจในประวัติศาสตร์และลักษณะของงานศิลปะในอินเดีย ลังกา ชวา พม่า จาม และกัมพูชารวมถึงบุโรพุทโธได้ชัดเจนมากขึ้น ถือเป็นงานอีกชิ้นควรค่าในการศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะในอินเดียรวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


สรุปด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
งานที่พบจะเป็นประเภทหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษทั้งหมด 3 เล่ม  พบทั้งงานศึกษาเกี่ยวกับบุโรพุทโธโดยตรงและงานศึกษาที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  งานในกลุ่มนี้มุ่งเน้นการอธิบายลักษณะสถาปัตยกรรม แผนผัง รูปแบบศิลปะ  ภาพสลักของบุโรพุทโธ  โดยงานบางชิ้นเช่นงานชิ้นแรกของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (2528) เรื่องบุหงารำไปมีการนำข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่นงานของสมเด็จพระยานริศรานุวัติวงศ์มาอ้างอิงในเนื้อหา และมีการใช้พระฉายาลักษณ์จากการเสด็จเยือนประเทศอินโดนิเซียประกอบทำให้เห็นภาพพระราชกรณีกิจที่เสด็จเยือนอินโดนิเซีย รวมถึงเห็นสภาพสถานที่จริงของบุโรพุทโธอีกด้วย พร้อมทั้งระบุแหล่งอ้างอิงข้อมูลประกอบ    และงานของ Jacques Dumarcay (1987) เรื่อง Borobudur มีการเขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน พร้อมทั้งระบุแหล่งอ้างอิงสมัยก่อน ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการออกแบบก่อสร้างบุโรพุทโธ รวมถึงมีการโยงกับพระพุทธศาสนาอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีงานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ศิลปะในรูปแบบใหม่ เช่นงานของเชษฐ์ ติงสัญชลี (2558) เรื่อง ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการนำเสนอโดยใช้สีสันทั้งเล่ม รูปภาพประกอบในงานศิลปะที่สำคัญ อีกทั้งยังเพิ่มกล่องตัวชี้ลงไปในภาพประกอบในจุดสังเกตของงานศิลปะทำให้เข้าใจในงานแต่ละชิ้นได้ง่ายขึ้น และมีการจำลองแผนผังของบุโรพุทโธเป็นแผนภาพที่เข้าใจง่ายอีกด้วย  


2.3ด้านการท่องเที่ยว
ในการสำรวจสถานภาพความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องบุโรพุทโธพบงานเขียนที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวของบุโรพุทโธ โดยงานที่ค้นพบค้นพบในปี พ.ศ.2550-2555 พบงาน 2 ชิ้น
ลำดับ ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ปีที่พิมพ์ ประเภท
1 Indonesia Lonely Planet 2550 หนังสือ
2 ระยะทางเที่ยวชวากว่าสองเดือน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

          งานชิ้นแรกเป็นงานของ Lonely Planet (2550) เรื่อง Indonesia  มุ่งนำเสนอรายละเอียดการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในเมืองและสถานที่สำคัญของอินโดนิเซีย กล่าวถึงบุโรพุทโธแต่เพียงว่าเป็นสถานที่ที่มีผู้มาท่องเที่ยวมากที่สุด ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่มีร้านค้า โรงแรมและสถานีรถโดยสาร และมีมัคคุเทศก์นำชมและอธิบายสถานที่ โดยสถานที่สำคัญคือวัดสร้างด้วยก้อนหินภูเขาไฟขนาดใหญ่บนพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส ล้อมรูปสถูปตรงกลางจะเป็นสถูปขนาดใหญ่ ที่กำแพงแก้วจะมีภาพวาดแสดงเกี่ยวกับพุทธศาสนา และวิถีชีวิตของชาวชวา รูปปั้นสัตว์ต่างๆในวรรณคดี และพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก เทศกาลประจำปีจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมและประเพณีสักการะในวันประสูติของพระพุทธเจ้าในเดือนพฤษภาคม สามารถเดินทางโดยรถบัสจากยอกจาร์การตาได้อย่างสะดวกโดยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จุดเด่นของงานชิ้นนี้คือเป็นไกด์บุ๊คสมัยใหม่ที่มีการนำเสนอข้อมูลครบถ้วนทั้งข้อมูลเบื้องต้นเรื่องการเดินทาง รายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พัก ประเพณีต่างๆ
งานสุดท้ายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (2555) เรื่องระยะทางเที่ยวชวากว่าสองเดือน 


งานชิ้นนี้มุ่งนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการเสด็จประภาสต้นของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2439 เป็นเวลากว่า 2 เดือน กล่าวถึงการเดินทางไปบุโรพุทโธครั้งนี้ว่ามีการเดินทางไปเมืองยอร์กยากาตาร์โดยรถ สภาพทางไม่ค่อยดีนัก มีการบรรยายเกี่ยวกับตัวบุโรพุทโธว่าสร้างอยู่บนเนินเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีจัณฑิทั้ง 4 ทิศ และมีขั้นบันไดขึ้น 9 ชั้น มีพระพุทธรูปตามคูหาในเรือนแก้ว และเจดีย์ 505 องค์ พระพุทธรูปแบบอินเดีย จุดเด่นของงานชิ้นนี้เป็นการเขียนบันทึกการเดินทางโดยประสบการณ์ตรง นำเสนอด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่าย มีรูปภาพแสดงประกอบ และได้รับความเพลิดเพลินจากการอ่านด้วย


สรุปด้านการท่องเที่ยว
งานที่พบจะเป็นประเภทหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษทั้งหมด 2 เล่ม ทั้งสองงานมีการนำเสนอรายละเอียดพอสังเขปเกี่ยวกับบุโรพุทโธและแสดงให้เห็นว่าบุโรพุทโธเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวมากที่สุดในอินโดนิเซีย แต่มีการนำเสนอใน 2 รูปแบบที่แตกต่างกันคือ Lonely Planet (2550) เรื่อง Indonesia   จะมีการนำเสนอในรูปแบบไกด์บุ๊คสมัยใหม่ มีรายละเอียดของสถานที่และเมืองที่จะเดินทางไปพอสังเขป บอกที่พัก การเดินทาง ประเพณี ร้านอาหาร เป็นงานที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการคู่มือไปท่องเที่ยวอินโดนิเซียและบุโรพุทโธเป็นอย่างยิ่ง เป็นเอกสารที่เน้นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จึงไม่มีการระบุแหล่งอ้างอิง ส่วนงานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (2555) เรื่องระยะทางเที่ยวชวากว่าสองเดือน เป็นการการเขียนบันทึกการเดินทางโดยประสบการณ์ตรงที่พบเห็นของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ไม่ได้ระบุแหล่งงอ้างอิงข้อมูลประกอบ

4.ด้านศาสนาและความเชื่อ
ในการสำรวจสถานภาพความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องบุโรพุทโธพบบทความที่เกี่ยวข้องกับด้านศาสนาและความเชื่อ โดยเอกสารที่ค้นพบค้นพบตั้งแต่ปี 2556-2560  พบ 2 บทความ 
1. The Borobudur: A Psychology of Loving-kindness Carved in Stone Maurits G.T. Kwee 2556 บทความในวารสาร the journal of the International Association of Buddhist Universities (JIABU)
2. ความศรัทธา : มหาสถูปบุโรพุทโธสู่ความยั่งยืนพุทธศาสนาThe Faith : Borobudur to sustain Buddhism พระมหาปรีชา เขมนโท
อนุวัต กระสังข์ 2560 บทความในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ปีที่ 19 ฉบับที่ 2

บทความชิ้นแรกของ Maurits G.T. Kwee (2013) เรื่อง “The Borobudur: A Psychology of Loving-kindness Carved in Stone” 


บทความนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความหมายของการก่อสร้างบุโรพุทโธในมุมมองทางจิตวิทยาและพระพุทธศาสนา ซึ่งทำให้เห็นมุมมองจิตวิทยาของ "พุทธศาสนาเชิงสัมพันธ์" ซึ่งความหมายและความสุขนั้นได้มาจากการดูแลระหว่างบุคคลในการสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์กับฉากหลังของความว่างเปล่าไร้รูปแบบ  เน้นการศึกษาทางจิตวิทยาสังคมเมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งยืนยันถึงสาระสำคัญของจิตวิญญาณของบุโรพุทโธ ผลที่ตามมาคือการไปทัศนศึกษาตามข้อเท็จจริงที่ได้รับการตกผลึกแล้ว จากผลการศึกษาพบว่า บุโรพุทโธให้แม่แบบตามแบบฉบับที่แสดงให้เราเห็นว่าการมีชีวิตที่ยืนยาวอาจนำไปสู่การแสวงหาความหมายของชีวิต ทุกคนที่พร้อมที่จะแสวงหาและเรียนรู้ว่าชีวิตคืออะไรและเริ่มต้นการเดินทางภายในที่ลึกซึ้งของการค้นพบภูมิปัญญา การเดินทางไปบุโรพุทโธอาจเป็นประโยชน์สำหรับชาวพุทธและสำหรับผู้สนใจอื่น ๆ โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังเพื่อครอบคลุมสิ่งที่พวกเขาแสวงหาอย่างครอบคลุมตามบันทึกที่แสดงในบทความนี้ การยึดติดกับข้อความของบุโรพุทโธนั้นศาสนาพุทธเชิงสัมพันธ์ยอมรับว่าภูมิปัญญาแห่งความสุขที่ยั่งยืนท่ามกลางความยากลำบากส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่กลมกลืนกันเป็นส่วนใหญ่ ภูมิปัญญาชาวพุทธความรอบรู้และความเฉลียวฉลาดทำให้เราต้องยึดมั่นในสถานการณ์เชิงสัมพันธ์ที่เป็นคนใจดีมีเมตตาและมีความสุขในความสมดุลซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้มีการพูดอย่างมีสติซึ่งรวมถึงการฟังอย่างมีสติและการฝึกฝนการทำงานร่วมกัน ผลคือการตระหนักถึงความเป็นมิตร“ ในระหว่าง - ไม่ใช่ตัวเอง” ในการแสวงหาความสัมพันธ์ที่สงบสุขติดกาว บุคคลไม่ได้อยู่อย่างอิสระจากกันและกัน แต่พึ่งพาการเชื่อมต่อระหว่างกันและการพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอด  จุดเด่นของบทความนี้มีการนำเอาหลักศาสนาพุทธและหลักทางจิตวิทยามาวิเคราะห์ความหมายที่แท้จริงของบุโรพุทโธ 


บทความชิ้นสุดท้ายของพระมหาปรีชา เขมนโท และ อนุวัต กระสังข์ (2560) เรื่อง “ความศรัทธา : มหาสถูปบุโรพุทโธสู่ความยั่งยืนพุทธศาสนาThe Faith : Borobudur to sustain Buddhism”

บทความนี้สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงของชาวพุทธในอินโดนิเซียผ่านการเคารพบูชาบุโรพุทโธซึ่งเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่และล้ำค่าของชาวอินโดนิเซีย ในบทความประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ ความหมายของศรัทธาและสถูป ประวัติความเป็นมาของการสร้างบุโรพุทโธ การเข้ามาและการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอินโดนิเซีย  ซึ่งมีการเรียงลำดับเนื้อหาปูพื้นฐานให้ผู้อ่านเข้าใจและเชื่อมโยงเนื้อเรื่องได้ง่าย จากการศึกษาพบว่า ความศรัทธาของชาวอินโดนิเซียที่มีต่อบุโรพุทโธซึ่งเป็นศาสนาสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีอิทธิพลในการยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นศูนย์รวมพลังความศรัทธาของพระพุทธศาสนาในอินโดนิเซีย อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญที่นำไปสู่ความยั่งยืนของพระพุทธศาสนาในอินโดนิเซียในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านความศรัทธา การเคารพสักการะบุโรพุทโธของชาวพุทธและคนต่างศาสนา การมาชมความงามของศิลปะที่ถ่ายทอดแก่นแท้ทางพระพุทธศาสนาทำให้มีความเชื่อมั่นที่ยั่งยืนและความศรัทธาทางพระพุทธศาสนาไม่หายจากอินโดนิเซีย ต่อมาในด้านคติธรรมทางพระพุทธศาสนา บุโรพุทโธมีลักษณะเป็นรูปดอกบัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ในแต่ละชั้นของบุโรพุทโธมีการแสดงคติธรรมทางพระพุทธศาสนา  กิเลส การเวียนว่ายตายเกิด อีกทั้งยังมีภาพแกะสลักเรื่องกฎแห่งกรรม วิถีชีวิตของคนในแถบเกาะบาหลีนี้มีการนับถือทั้งพระพุทธศาสนาและพราหมณ์ฮินดูโดยทั้งสองศาสนานี้ได้ผสมกลมกลืนเป็นวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิต และสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของการนับถือพระพุทธศาสนาในอินโดนิเซีย และสุดท้ายการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา อินโดนิเซียมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ในอดีตพระพุทธศาสนาก็เคยมีความรุ่งเรืองมาก ต่อมาศาสนาพุทธก็เสื่อมลง และได้รับการฟื้นฟูได้ไม่นานและมีการส่งพระธรรมทูตของไทยมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่อินโดนิเซียและมีวัดทั้งหมด 150 วัด บุโรพุทโธและพุทธสถานสำคัญต่างๆทำให้ผู้คนมาฟื้นฟูให้พระพุทธศาสนาให้อยู่ยั่งยืนและให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนามากขึ้น จุดเด่นของบทความนี้นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของบุโรพุทโธแล้ว ยังได้เรียนรู้ถึงการเข้ามาและการเผยแผ่ของพระพุทธศาสนาของอินโดนิเซียอีกด้วย 

สรุปด้านศาสนาและความเชื่อ
งานที่พบจะเป็นบทความในวารสารทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  2บทความ โดยประเด็นที่ศึกษาจะมีรายละเอียดลงลึกไปถึงเรื่องพระพุทธศาสนาที่เชื่อมโยงกับบุโรพุทโธ ซึ่งกล่าวโดยสรุป เรื่อง “The Borobudur: A Psychology of Loving-kindness Carved in Stone”บุโรพุทโธสะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาทางพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงของชาวพุทธในอินโดนิเซีย และการก่อสร้างบุโรพุทโธมีการสื่อความหมายทั้งทางพระพุทธศาสนาและจิตวิทยา ซึ่งมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาและจิตวิทยา ซึ่งนอกจากจะทำให้ทราบถึงความเชื่อมโยงของศาสนาและความเชื่อแล้ว ยังมีการเชื่อมโยงและให้ความรู้เพิ่มเติมในมิติอื่นได้ลึกซึ้งมากขึ้น สำหรับบทความของ พระมหาปรีชา เขมนโท และ อนุวัต กระสังข์ (2560) เรื่อง “ความศรัทธา : มหาสถูปบุโรพุทโธสู่ความยั่งยืนพุทธศาสนาThe Faith : Borobudur to sustain Buddhism” ซึ่งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของบุโรพุทโธและการเข้ามาและการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอินโดนิเซียอีกด้วย โดยใช้แหล่งอ้างอิงจากพระไตรปิฎก และพุทธศานา แต่ไม่มีแหล่งอ้างอิงที่เกี่ยวกับบุโรพุทโธโดยตรง


จบไปแล้วนะคะกับสำรวจสถานภาพความรู้เกี่ยวกับบุโรพุทโธในตอนที่ 2  เหลือตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้ว มาติดตามกันต่อนะคะว่าภาพรวมการสำรวจงานศึกษาเกี่ยวกับบุโรพุทโธนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง 




อ้างอิง

เชษฐ์ติงสัญชลี.(2560).ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.(พิมพ์ครั้งที่ 3).กรุงเทพ :มิวเซียมเพลส

พระมหาปรีชา เขมนโท และ อนุวัต กระสังข์.(2560).ความศรัทธา : มหาสถูปบุโรพุทโธสู่ความยั่งยืนพุทธ ศาสนาThe Faith : Borobudur to sustain Buddhism.วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. (19(2).159-172

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.(2528).บุหงารำไป

สุภัศดิศ ดิศกุล.(2540).ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง อินเดีย,ลังกา,ชวา,จาม,ขอม,พม่า,ลาว. (พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จากยุคหินเก่า....สู่หินใหม่...เปลี่ยนผ่านสู่ยุคอารยธรรม

อาณาจักรพยู: มรดกโลกอันล้ำค่าของเมียนมา

พระนิรฤติ : เทวดาผู้อารักษ์แห่งทิศหรดี